Meta ปักธงดัน ‘Llama’ ท้าทายคลื่นลูกใหม่ยุค AI


 

  • AI เป็นตัวจักรในการขับเคลื่อนยุคใหม่ของโอกาสทางสังคมและเศรษฐกิจ
  • Meta ประกาศอัปเดตเวอร์ชันล่าสุดของ Meta AI “Llama 3.1” (ลาม่า) พร้อมเพิ่มภาษาที่ให้บริการ 8 ภาษา รวมถึงภาษาไทย
  • Meta AI เป็นผู้นำทั้งด้านความยืดหยุ่นและประสิทธิภาพในภาพรวม
  • Llama 3.1 จะทำให้ Meta สามารถแข่งขันกับรายอื่นๆ ได้

“AI มีศักยภาพมากกว่าเทคโนโลยีล้ำสมัยอื่นๆ ช่วยเพิ่มศักยภาพในการทำงาน ความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ เร่งการเติบโตทางเศรษฐกิจ พร้อมปลดล็อกความก้าวหน้าให้กับธุรกิจและชุมชนทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย”

ราฟาเอล แฟรงเคิล ผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายสาธารณะประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ Meta กล่าว

Meta ปักธงดัน ‘Llama’ ท้าทายคลื่นลูกใหม่ยุค AIพร้อมแสดงวิสัยทัศน์ว่า ทิศทางด้าน AI ของ Meta เน้นแนวทางการพัฒนาและสร้างระบบนิเวศที่เป็นแบบเปิด โดยเชื่อว่า โอเพ่นซอร์ส AI เป็นแนวทางที่เหมาะสมกับทั้งนักพัฒนา ตัว Meta เอง รวมถึงภาพรวมการใช้งานของผู้ใช้งานทุกคน

ล่าสุด Meta ประกาศอัปเดตเวอร์ชันล่าสุดของ Meta AI ได้แก่ “Llama 3.1” (ลาม่า) ซึ่งเป็นระบบปัญญาประดิษฐ์ที่ใช้โมเดลประมวลผลด้วยภาษาขนาดใหญ่ (Large Language Model) ครั้งนี้ต้องการตอกย้ำถึงเป้าหมายในการส่งเสริมนวัตกรรมและความร่วมมือภายในชุมชน AI โดยการมอบเครื่องมือ AI ที่ล้ำสมัยมากขึ้นให้แก่นักพัฒนา นักวิจัย และธุรกิจต่างๆ

โมเดลภาษาขนาดใหญ่สามารถนำไปต่อยอดได้ในหลากหลายมิติทั้งเชิงธุรกิจ ช่วยธุรกิจเล็กยกระดับการโฆษณา ประหยัดเวลา รวมถึงการทำงานและยกระดับการติดต่อสื่อสารและความปลอดภัยของผู้คน

มีอะไรใหม่ใน Llama 3.1

Llama 3.1 มาพร้อมกับโมเดล 8B และ 70B ซึ่งมีการพัฒนาปรับปรุงเพิ่มเติม รวมถึงการเปิดตัว Llama 3 405B ซึ่งเป็นโมเดลแบบโอเพ่นซอร์สที่ใหญ่ที่สุดและทันสมัยที่สุดในอุตสาหกรรมปัญญาประดิษฐ์ นำเสนอประสิทธิภาพการทำงานที่มีความยืดหยุ่น ใช้งานได้ง่าย และมีความสามารถมากกว่าที่เคย

  • ประสิทธิภาพที่เหนือชั้น: เป็นเอไอระบบเปิดที่นำเสนอ ประสิทธิภาพของโมเดลไม่แพ้ระบบปิด (โคลสซอร์ส) ชั้นนำทั้งหมด
  • เพิ่มภาษาที่รองรับ: เพิ่มภาษาที่ให้บริการถึง 8 ภาษา รวมถึงภาษาไทย
  • ปรับปรุงความสามารถในการสนทนา: ขยายการรองรับความยาวเนื้อหามากถึง 128k ช่วยให้การโต้ตอบมีความหลากหลายมากขึ้น
  • ให้เหตุผลได้น่าเชื่อถือมากขึ้น: จัดการกับงานที่ซับซ้อนด้วยความสามารถในการใช้เหตุผล (Reasoning) ที่ดีขึ้น
  • การปรับปรุงระบบการทำงาน: รองรับการสร้างข้อมูลสังเคราะห์และการถ่ายโอนข้อมูลระหว่างโมเดล (Model distillation)
  • AI ที่มีความรับผิดชอบ: องค์ประกอบด้านความปลอดภัยในระบบแบบใหม่ ช่วยให้เกิดการใช้งานอย่างมีความรับผิดชอบ
  • อีโคซิสเต็มที่เติบโต: พันธมิตรมากกว่า 30 รายมุ่งมั่นสนับสนุนการพัฒนา Llama 3.1 ตั้งแต่เริ่มต้น

มั่นใจ ‘จุดยืน’ อยู่แถวหน้า

หลังจาก Meta ได้เปิดตัวโมเดล Llama รุ่นแรกเมื่อปีที่แล้ว มียอดดาวน์โหลดรวมกว่า 300 ล้านครั้ง และมีการพัฒนาโมเดลต่อยอดกว่า 20,000 โมเดลสำหรับการใช้งานที่หลากหลาย

ปัจจุบัน Meta AI เป็นผู้นำทั้งในด้านความยืดหยุ่นและประสิทธิภาพในภาพรวม เนื่องจากมีทั้งความคิดสร้างสรรค์ ความชาญฉลาด และเข้าถึงได้ง่ายกว่าที่เคย และ Llama 3.1 จะทำให้ Meta สามารถแข่งขันกับรายอื่นๆ ได้

  • ความคิดสร้างสรรค์: ฟีเจอร์ “Imagine Yourself” ช่วยส่งเสริมให้ผู้ใช้ได้ปลดปล่อยจินตนาการของตนเอง ด้วยการสร้างรูปภาพตนเองขึ้นมาใหม่ได้ในทุกสถานการณ์ เครื่องมือแก้ไข AI ใหม่เหล่านี้ จะช่วยให้ผู้ใช้ปรับแต่งรูปภาพที่ Meta AI สร้างขึ้นได้อย่างละเอียด ทำให้ผู้ใช้สามารถเพิ่ม ลบ หรือเปลี่ยนองค์ประกอบในรูปได้ตามที่ต้องการ
  • ความชาญฉลาดในการประมวลผล: Meta AI ช่วยให้ผู้ใช้รับมือกับความท้าทายที่ซับซ้อน โดยจะได้รับผลลัพธ์หรือคำตอบที่แม่นยำขึ้นสำหรับปัญหาที่มีความซับซ้อน โดยเฉพาะปัญหาเกี่ยวกับคณิตศาสตร์ หรือการเขียนโค้ด รวมถึงจะได้รับประสบการณ์ AI ที่ดีขึ้น โดยมีการอัปเดตอย่างต่อเนื่องจากความคิดเห็นของผู้ใช้งาน
  • การเข้าถึง: ขณะนี้ Meta กำลังนำ Meta AI เข้าไปใช้ในผลิตภัณฑ์และแพลตฟอร์มต่างๆ ของ Meta เช่น WhatsApp, Facebook และอีกมากมาย การเพิ่มภาษาที่ให้บริการนั้นยังช่วยให้ Meta AI เข้าถึงผู้ใช้ได้มากขึ้น

โดยโมเดลแบบโอเพ่นซอร์สของ Llama จะช่วยให้นักพัฒนาสามารถปรับแต่งและฝึกฝนโมเดลของตนเอง รวมถึงรักษาความเป็นส่วนตัวของข้อมูล และช่วยพัฒนาระบบให้แข็งแกร่ง

ปลดล็อกโอกาส AI ในไทย

สำหรับประเทศไทย การอัปเดตล่าสุดนี้จะเข้าไปยกระดับมาตรฐานสำหรับโมเดล AI แบบโอเพนซอร์สอีกครั้ง โดยการเปิดตัว Llama 3 405B ครั้งนี้นับเป็นการเปิดตัวโมเดลโอเพนซอร์สที่ใหญ่ที่สุดและก้าวหน้าที่สุดในอุตสาหกรรมปัญญาประดิษฐ์

Llama 3.1 ยังรวมถึงการอัปเดตโมเดล 8B และ 70B ซึ่งขณะนี้รองรับภาษาไทยแล้ว ซึ่งจะช่วยให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์ชาวไทยสามารถสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ สำหรับประเทศไทยได้มากขึ้น

นอกจาก Llama AI จะเพิ่มการรองรับภาษาไทยแล้ว Meta ยังจะจัดการอบรมและโครงการต่างๆ เพิ่มเติมและให้ทุนสนับสนุนมูลค่ารวม 2 พันล้านดอลลาร์ สำหรับนักพัฒนาและองค์กรทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย

เช่น ทุนสนับสนุน Llama 3.1 Impact Grants จาก Meta เพื่อเสริมสร้างผลกระทบทางสังคมและเสนอแนะแนวทางแก้ไขปัญหาความท้าทายต่างๆ ทั่วโลก โดยมุ่งเน้นด้านการศึกษา สิ่งแวดล้อม และนวัตกรรมแบบเปิด (Open Innovation) ซึ่งผู้ชนะที่ได้รับคัดเลือกจะได้รับเงินทุนสนับสนุนโครงการสูงสุดถึง 5 แสนดอลลาร์ การประกาศผู้ชนะคาดว่าจะมีขึ้นในช่วงต้นปี 2568, โครงการ AI Accelerator Program สำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เพื่อให้ความรู้ สร้างแรงบันดาลใจ และโอกาสในการสร้างเครือข่ายสำหรับนักพัฒนา AI ในภูมิภาค

ในประเทศไทย Meta ได้ร่วมมือกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล, สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์, AI Governance Clinic และสมาคมปัญญาประดิษฐ์ประเทศไทย (AIAT) เพื่อจัดการแข่งขันและคัดเลือกผู้ชนะระดับประเทศจำนวนหนึ่งรายเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันระดับภูมิภาคในสิงคโปร์

นอกจากนี้ หลักสูตร AI สำหรับ SMEs ในประเทศไทย โดยร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์เพื่อเปิดหลักสูตรการตลาดด้วย AI สำหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมของไทย เพื่อเสริมสร้างทักษะและความรู้ในการใช้ประโยชน์จาก AI เพื่อการเติบโตทางธุรกิจ ฯลฯ

แหล่งข้อมูล

https://www.bangkokbiznews.com/tech/gadget/1139278